เรียนแบบโฮมสคูล (Home School) อิสระทางการศึกษา ที่ครอบครัวยุคใหม่เลือกได้

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในช่วงใกล้วัยที่จะต้องเข้าเรียน อาจจะกำลังหาข้อมูลเรื่องการเรียนกันอยู่ ปัจจุบันสังคมเรามีหลายสิ่งอย่างที่เป็นทางเลือก เชน อาหารทางเลือก การรักษาแบบทางเลือก ด้านการเรียนก็มีเช่นกันคะ กับการเรียนทางเลือกหรือโฮมสคูล (Home School)


คุณแม่หลายท่านอาจจะกำลังมองหาที่เรียนให้ลูก แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้เรียนที่ไหนอยู่รึป่าวคะ เดี๋ยวนี้มีทางเลือกใหม่ที่ทำให้คุณแม่ไม่ต้องห่างลูกน้อยไปไกล โดยตัวคุณแม่เองก็สามารถเป็นคุณครูและแบบอย่างที่ดีให้กับลูกได้…

การเรียนแบบโฮมสคูล (Home School)

โฮมสคูล การจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งได้ระบุประเภทของการจัดการศึกษาดังกล่าวในประเทศไว้ 3 ประเภทด้วยกัน คือ

  1. การจักการศึกษาในระบบห้องเรียน
  2. การจัดการศึกษานอกระบบห้องเรียน และ
  3. การจัดการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งประชาชนมีสิทธิเลือกรูปแบบเองได้

การเรียนโฮมสคูล (Home School) คือ อะไร?

โฮมสคูล (Home School) คือ การศึกษาทางเลือก มีการเรียนการสอนจากครอบครัว ซึ่งเน้นจากวิถีชีวิตจากบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริง และเน้นการเรียนการสอนตามความสนใจของเด็กเป็นสำคัญ โดยมีคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองเป็นผู้ชี้แนะ ซึ่งมีสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย สามารถเทียบโอนผลการศึกษาได้

การศึกษาโดยครอบครัว หมายถึง การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ครอบครัวจัดโดยสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งมีรูปแบบการจัดการศึกษาแบบใดแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบ ของการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย อย่างมีการเทียบโอนผลการศึกษาได้
ข้อมูลอ้างอิง familynetwork.or.th

โฮมสคูล (Home School) เรียนอะไรบ้าง?

การเรียนแบบโฮมสคูลจะยึดที่เด็กเป็นศูนย์กลางโดยพิจารณาว่าลูกชอบเรียนด้านไหน เช่น ลูกชอบการวาดรูป ระบายสี ก็เริ่มให้ลูกฝึกวาดจากสิ่งของใกล้ตัวก่อน แล้วค่อยเริ่มขยายไปวาดภาพธรรมชาติ และขยายไปในส่วนของการเพิ่มประสบการณ์โดยการพาลูกไปดูนิทรรศการศิลปะตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงให้เขาได้เข้าร่วมการเรียนศิลปะและพูดคุยกับคนที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เพื่อเพิ่มกรอบความสามารถให้กับลูกค่ะ

ขั้นตอนการทำโฮมสคูล (Home School) ในประเทศไทย

การเรียนการสอนแบบโฮมสคูลนั้น ครอบครัวได้รับสิทธิตามรัฐธรรมนูญ พรบ.การศึกษา และกฎกระทรวงฯ ให้สามารถจัดการศึกษาได้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเท่านั้น คือ ระดับชั้นอนุบาล ถึง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 **ส่วนระดับชั้นอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ยังไม่อนุญาตค่ะ**

การทำโฮมสคูล (Home School) มีขั้นตอนดังนี้

ระดับปฐมวัย (อนุบาล)

ในระดับนี้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเขตพื้นที่การศึกษาว่าจะอนุญาตให้ครอบครัวจดทะเบียนเพื่อจัดการศึกษาบ้านเรียนได้หรือไม่ (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ต.ค. 55 ไม่อนุญาตให้จดทะเบียนในบางเขตพื้นที่การศึกษา โดยอ้างว่า ไม่จำเป็นต้องจด ให้คุณพ่อคุณแม่สอนลูกไปเองก่อน ค่อยมายื่นจดทะเบียนตอนระดับประถมศึกษา

ระดับประถมศึกษา

คุณพ่อคุณแม่สามารถยื่นขออนุญาตจดทะเบียน และจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาตามภูมิลำเนาได้เลยค่ะ

ระดับมัธยมศึกษา

**ระดับนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่เขตการศึกษา**

ดังนั้น ครอบครัวจะต้องยื่นขออนุญาตจดทะเบียนขอจัดการศึกษากับหน่วยงาน ดังนี้

  • สำนักงานเขตพื้นที่การมัธยมศึกษา
  • ลงทะเบียนเป็นนักเรียนกับการศึกษานอกระบบ (กศน.)
  • ลงทะเบียนเป็นนักเรียนกับการจัดการศึกษาทางไกล

**ทั้งนี้ ครอบครัวจะได้รับสิทธิในการลดหย่อนภาษี/เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาเช่นเดียวกันกับโรงเรียนในระบบค่ะ**

โฮมสคูล (Home School) มีลักษณะเด่นอย่างไร?

  • การเรียนไม่ว่าจะวิชาใดก็ตามคุณพ่อคุณแม่จะเป็นคนที่รับผิดชอบโดยตรง เพราะคุณพ่อคุณแม่ต้องจัดการเองทั้งหมด หรือในบางรายอาจเป็นการจัดร่วมกันระหว่างครอบครัวและโรงเรียนก็ได้เช่นกัน
  • ครอบครัวจะถูกจัดตั้งให้เป็นศูนย์การเรียนครอบครัวเดี่ยว หรือศูนย์การเรียนกลุ่มครอบครัว แต่บางครอบครัวอาจไม่สะดวกที่จะเป็นศูนย์การเรียน ก็สามารถทำได้ค่ะ
  • การเรียนโฮมสคูลแบบนี้จะเป็นการตอบสนองต่อความสนใจ ความต้องการ และสามารถแก้ปัญหาเรื่องการเรียนของลูกที่มีความชอบที่ต่างกันไปได้ดีค่ะ
  • เมื่อความสำเร็จทางการศึกษาเน้นเป็นรายบุคคล ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับความถนัด และความต้องการของลูกจริง ๆ และสอดคล้องกับวิถีชีวิต
  • การเรียนแบบโฮมสคูลเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว
  • เป็นการศึกษาที่ไม่ใช่แสวงหาผลกำไร และไม่ได้เป็นไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก

ข้อดีของการเรียนโฮมสคูล

  • คุณพ่อคุณแม่ได้ใช้เวลาอยู่กับลูกได้เต็มที่ เป็นการสานสายสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
  • คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดหลักสูตรการเรียนการสอน หรือแม้กระทั่งปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับลูกได้ ดูว่าสิ่งไหนหรือเวลาไหนจะเหมาะสมกับการเรียนรู้อะไร จะทำให้ลูกรู้สึกสนุกไปกับการเรียนค่ะ
  • ไม่มีการเปรียบเทียบเรื่องผลการเรียน ลูกจะเรียนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต้องมีอะไรมากดดัน เพราะไม่ต้องสอบแข่งขันกับใคร ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกว่าตัวเองเรียนด้อยกว่าคนอื่น
  • การเรียนรู้ของลูก สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะลูกจะไม่ได้รู้สึกว่ามีเวลาปิดเทอมหรือเปิดเทอม ทำให้ชีวิตในทุกวันของลูกมีความสุขและสนุกไปกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค่ะ
  • คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่าลูกจะโดนแกล้ง
  • คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ชัดเจน และรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าลูกมีพรสวรรค์ด้านไหน เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่มีหน้าที่ผลักดันเค้า เพื่อให้เค้าได้ไปถึงฝันได้เร็วมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยคุณพ่อคุณแม่ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ค่าแรกเข้า ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือ ฯลฯ
  • เพราะการเรียนรู้ของลูกจะเกิดขึ้นตลอดเวลาโดยที่เค้าไม่รู้ตัว ดังนั้น ลูกจะมีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตมากกว่าอยู่ในห้องเรียนเสียอีก

ข้อเสียของการเรียนโฮมสคูล

  • ไม่เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลาอยู่กับลูก หรือมีเวลาน้อย การเรียนการสอนแบบโฮมสคูล (Home School) นั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องมีเวลาให้เค้ามากเพียงพอ ไม่อย่างนั้นเค้าจะเกิดทัศนคติไม่ดีต่อการเรียน ทำให้ลูกไม่อยากเรียนหนังสือ
  • การที่ลูกไม่ได้เข้าโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยตอบข้อสงสัยของลูกอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมตนเองไม่เหมือนคนอื่นๆ จนบางครั้งอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ลังเลว่าที่ตัดสินใจทำแบบนี้…ถูกหรือเปล่า
  • คุณพ่อคุณแม่ต้องอดทนและใจเย็นมากๆ ในวันที่ลูกไม่อยากเรียนหนังสือ
  • คุณพ่อคุณแม่ต้องวางแผนหลักสูตรการเรียนการสอนให้ดี ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นลูกเราเรียนอ่อนกว่าเพื่อนคนอื่นในชั้น ส่งผลกระทบต่อจิตใจ และไม่อยากไปเรียนได้ค่ะ
  • หาข้อมูลจากผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเรียนโฮมสคูลเหมือนกัน เพื่อขอคำแนะนำ หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน
  • หากมีโอกาส พาลูกไปพบปะกับคนที่เรียนโฮมสคูลเหมือนกัน เพื่อเป็นการทำความรู้จักและลูกจะได้มีสังคมค่ะ

การเรียนแบบโฮมสคูลนับเป็นอีกหนึ่งอิสระทางการศึกษาที่คุณพ่อคุณแม่และลูกสามารถเลือกเองได้ กำหนดเองได้ และเพื่อเป็นการนำเสนอให้รอบด้าน “Home school ข้อดี ข้อเสีย ข้อมูลควรรู้ก่อนการตัดสินใจ” คุณพ่อคุณแม่สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ค่ะ ก่อนการตัดสินใจ


เรียนแบบโฮมสคูล (Home School) จะดีไหม ลูกจะรู้สึกแปลกแยกหรือเปล่า? ติดตามข้อดี ข้อเสียของการเรียนแบบโฮมสคูล เพื่อประกอบการตัดสินใจได้จากบทความนี้เลยค่ะ คลิกที่นี่

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP