กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ ทำได้ง่าย ๆ แม้อยู่บ้าน

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

เด็กกับการเล่นเป็นของคู่กัน เพราะเด็กยังอยู่ในวัยซน อยากเรียนรู้อะไรต่าง ๆ อีกมากมาย การที่อยู่บ้านไม่ได้ออกไปเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ก็อาจทำให้ลูกน้อยเบื่อได้ และที่สำคัญลูกน้อยก็จะไม่ได้ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่เท่าที่ควร แต่วันนี้เรามีกิจกรรมดี ๆ ที่เป็นการช่วยฝึกพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดใหญ่มาฝาก แม้อยู่บ้านก็ทำได้ค่ะ

กล้ามเนื้อมัดใหญ่ คืออะไร?

กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ก็คือ กล้ามเนื้อแขน ขา การทรงตัว เป็นส่วนที่ทำให้ลูกน้อยสุขภาพดี แข็งแรง เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมง สามารถเล่นกีฬาได้ดี

ข้อมูลอ้างอิง คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล

พัฒนาการของมนุษย์

โดยทั่วไปแล้ว พัฒนาการของมนุษย์เราแบ่งได้เป็น 5 ด้าน ดังนี้

พัฒนาการด้านร่างกาย

คือ ความสามารถในการทรงตัว การเคลื่อนไหว การเคลื่อนที่โดยใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ประสาทสัมผัสต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้สายตาและมือทำงานให้ประสานกันในกิจกรรมต่าง ๆ

พัฒนาการด้านสติปัญญา

คือ ความสามารถในการเรียนรู้ เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ การมีเหตุมีผล การเก็บข้อมูล การวิด การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ รวมถึงการนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน

พัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์

คือ ความสามารถในด้านความรู้สึกและการแสดงออกทางอารมณ์ การแยกแยะสิ่งต่าง ๆ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ และการควบคุมอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์หรือต้องอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ

พัฒนาการด้านสังคม

คือ ความสามารถในการสร้างสัมพันธ์กับผู้อื่น มีทักษะในการปรับตัวให้เข้ากับสังคม มีวินัย มีความรับผิดชอบ ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น ที่สำคัญ คือการมีความเป็นตัวของตัวเอง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในการใช้ชีวิติประจำวัน รวมถึงการปฏิบัติตัวให้เหมาะกับกาลเทศะ มีมารยาททางสังคม และมีระเบียบวินัย

พัฒนาการด้านจิตวิญญาณ

คือ การเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem) สามารถควบคุมตนเองให้ดำรงตนอยู่ในได้ในทางที่ดี ที่ชอบ และสร้างสรรค์ รู้จักผิดชอบชั่วดี จนนำไปสู่การเห็นคุณค่าในชีวิตของผู้อื่นเช่นกัน มีการพัฒนาด้านคุณธรรมอยู่เสมอ เพื่อเป้าหมายของชีวิตที่ดีงาม

กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

กิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่คุณแม่สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน มีดังนี้

เลียนแบบท่าทางสัตว์

ให้ลูกน้อยได้เรียนรู้ ได้เห็นท่าทางของสัตว์ต่าง ๆ ก่อน เช่น ท่าทางการเดินและเสียงร้อง เช่น ท่าทางการเดินและการร้องของลิง ชะนี ท่าควบม้า เสียงร้องของม้า ท่าเดินและการร้องของเสือ เป็นต้น ลูกทำท่าทางและเสียงร้องให้คุณแม่ทาย ทำสลับกันคนละครั้ง

เล่นตั้งเต

ให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมชอล์กวาดตาราง 10 ช่อง เป็นช่องสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับเท้าหนึ่งข้าง เมื่อโยนหินลงไปที่ตารางแล้ว หินจะไม่กระเด็นออกนอกช่องได้ จากนั้นให้ลูกกระโดดไป-กลับเพื่อเก็บหินที่โยนไว้ เกมนี้จะช่วยพัฒนาลูกในเรื่องการทรงตัวได้ดีทีเดียว

ตีลูกโป่ง

เตรียมลูกโป่งเป่าลมเรียบร้อย 1 ใบ แล้วให้ลูกน้อยตี ไม่ให้ตกพื้น แล้วนับดูว่าลูกตีได้กี่ครั้ง หลังจากนั้นก็สลับให้คุณพ่อคุณแม่เล่น สุดท้ายค่อยมาดูว่าใครตีลูกโป่งได้มากกว่ากัน คนนั้นชนะไป

หาสมบัติ

กำหนดกติกาก่อนว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน เพื่อเป็นการคุมพื้นที่จะได้ไม่หายากเกินไป โดยให้คุณพ่อคุณแม่นำสิ่งของไปซ่อนตามจุดต่าง ๆ ของบ้าน อาทิ ตุ๊กตาพลาสติกโนเสาร์ รถยนต์ หรือจะเป็นลูกไข่พลาสติกก็ได้ค่ะ แล้วให้ลูกหา อาจจะกำจัดเวลาในการหาก็จะเป็นการเพิ่มความสนุกได้อีกรูปแบบหนึ่ง

กระโดดกระจาย

กิจกรรมนี้คุณแม่ต้องเตรียมอุปกรณ์กันซักเล็กน้อย เช่น รองเท้าบูทพลาสติก เสื้อกันฝนให้ลูกใส่ จากนั้นก็ฉีดน้ำลงที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ปล่อยให้ลูกได้กระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้นหญ้าที่มีน้ำเฉอะแฉะ แค่นี้ก็เพลินแล้วล่ะค่ะ

สัตว์ประหลาดไล่จับ

ให้คุณพ่อคุณแม่แปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดวิ่งไล่จับ หรืออาจเปลี่ยนให้ลูกน้อยเป็นสัตว์ประหลาดบ้างก็ได้ค่ะ กิจกรรมวิ่งเล่นไล่จับแบบนี้เด็ก ๆ จะชอบค่ะ

ศิลปะจากใบไม้

ให้คุณพ่อคุณแม่ชวนลูกไปเก็บใบไม้ที่ร่วงหล่นมา แล้วนำมาทำศิลปะกัน อาจเป็นงานภาพพิมพ์หรืองานปะติดตามจินตนาการลูกเลยค่ะ

ปาบอล

ไม่ว่าจะเป็นการปาบอลลงตะกร้าหรือปาบอลรับ-ส่งลูกกัน หรือจะมีตุ๊กตาต่าง ๆ เป็นเป้าแล้วให้ลูกน้อยโยนให้เข้าเป้า แบบนี้ก็สนุก ลุ้นไม่แพ้กิจกรรมอื่น ๆ

เตะบอล

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ออกแรงได้เป็นอย่างดี การเตะบอลไม่จำเป็นต้องออกไปสนามใหญ่ ๆ เพียงแค่หน้าบ้าน จัดทำโกลเล็ก ๆ ให้ลูกบอลเข้าได้ แค่นี้ก็สนุกได้แล้วค่ะ

พัฒนาการของลูกเป็นสิ่งสำคัญ มีหลายด้านที่ต้องอาศัยการพัฒนาที่ควบคู่กันไป ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูกได้แม้อยู่บ้าน เพื่อลูกน้อยจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง อารมณ์แจ่มใส พร้อมเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อยู่เสมอนะคะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP