สิ่งที่คุณแม่ต้องใจแข็ง…เพื่ออนาคตของลูก

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

การเลี้ยงลูกและได้เห็นลูกมีความสุขน่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของคนเป็นแม่พองโตไปตามลูกได้ไม่ยากแต่แน่นอนว่าการเติบโตของลูกนั้นจะเจอแต่ทุกอย่างที่เป็นไปตามต้องการทั้งหมดไม่ได้ ลูกจำเป็นที่จะต้องเจอกับสิ่งที่ขัดใจเพื่อให้เขาเรียนรู้และเติบโตไปในแนวทางที่ถูกต้อง เคยมีคนบอกว่าเด็กคือผ้าขาวที่รอการเต็มแต้มสีลงไปนั่นก็คือจากคนที่เลี้ยงดูเขานั่นเองหรืออีกแนวคิดหนึ่งก็คิดว่าเด็กคือผ้าที่เปื้อนสีไปหมดและหน้าที่ของผู้ดูแลก็คือทำความสะอาดให้เหลือเฉพาะสีที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเชื่อตามแนวคิดใดก็ตามสุดท้ายการอบรมสั่งสอนและให้ลูกได้เรียนรู้อย่างถูกต้องเหมาะสมแม้คุณแม่อาจจะถูกลูกมองว่าใจร้ายก็ต้องทำเพราะสุดท้ายแล้วเวลาจะทำให้ลูกเข้าใจทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

1.ต้องพาลูกเข้านอนให้ตรงเวลา

เด็กๆ มักจะเพลิดเพลินและคิดว่าการได้นอนดึกๆ คืออิสระของพวกเขาแต่ในความเป็นจริงแล้วร่างกายของพวกเขายังอยู่ในช่วงเจริญเติบโตเพราะโกรทฮอร์โมนจะหลั่งในเวลากลางคืนจึงเป็นสาเหตุที่คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกนอนดึก นอกจากในเรื่องของโกรทฮอร์โมนแล้วนั้นการนอนดึกก็ยังทำให้เขางอแงไม่อยากจะตื่นไปโรงเรียนในตอนเช้าได้อีกด้วย

2.ขนมหวานในทานนานๆ ทีพอ

นี่คือสวรรค์ของเด็กๆ เลยก็ว่าได้กับการที่ได้ทานขนมทุกวันและทุกเวลาที่ต้องการแต่แน่นอนว่ามันคือภาพลวงตาที่สุดท้ายจะนำปัญหาสุขภาพช่องปากและความอ้วนมากฝากพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นลองหันมาทำให้ขนมเหล่านี้พิเศษขึ้นและช่วยพัฒนาเขาไปในตัวด้วยการให้อย่างเป็นระเบียบหรือให้ในวันและโอกาสพิเศษเพื่อฝึกให้เขามีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ และดีกับสุขภาพของเขาด้วย

3.การอดออมจำเป็นต้องสอนกันตั้งแต่เล็ก

ไม่ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกเราจะเปลี่ยนไปขนาดไหนการเก็บออมเงินก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปและผลลัพธ์ก็ย่อมดีเสมอ ในวัยเด็กคงยากถ้าจะเริ่มสอนการลงทุนอย่างจริงจังแต่ถ้าคุณแม่ได้สอนให้เขาได้เรียนรู้กับการเก็บออมและคุณค่าของมันตั้งแต่ยังเล็กแน่นอนว่าเมื่อโตขึ้นเขาจะพัฒนาและมองหาโอกาสในการต่อยอดการเก็บออมของเขาได้อย่างแน่นอน และยังเป็นสิ่งที่ดีถ้าเมื่อเขาต้องการอะไรแล้วสามารถซื้อหามาได้ด้วยเงินเก็บของตัวเองทำให้เขาได้เห็นคุณค่าของทั้งเงินและความอดทนของตัวเองไปพร้อมๆ กัน

4.ให้เขารู้จักกับการช่วยเหลือตัวเอง

เริ่มจากกิจวัตรประจำวันค่อยๆ สอนให้เขาลองทำด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่คุณแม่ไม่ต้องเข้าไปช่วยดูแลแล้ว นี่คือการฝึกให้เขารู้จักช่วยเหลือและมีกระบวนการคิดวางแผนการทำสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันไปในตัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

5.ให้เขาได้รู้จักกับการสูญเสียบ้าง

อย่าเพิ่งตกใจมันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นเรากำลังพูดถึงการสูญเสียของเล่นที่พังของเขา เมื่อมันพังคุณแม่อย่าเพิ่งรีบตามใจซื้อของใหม่มาทดแทนทันที ควรปล่อยให้เขาได้เรียนรู้การสูญเสียว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร ตัวอย่างถ้าการสูญเสียบังเอิญเกิดมาจากการไม่ดูแลรักษาให้ดีจนทำให้ของเล่นพัง นี่ก็คือคำสอนจากการสูญเสียที่ลูกได้เรียนรู้ด้วยตัวเองและแน่นอนว่าเขาจะค่อยๆ ซึมซับและนำไปปรับใช้ต่อไปได้อย่างแน่นอน

6.คำพูดทั้งขอโทษและขอบคุณควรเป็นคำติดปากเขา

มันไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าลูกผิดจริงแล้วรู้จักขอโทษและเมื่อได้น้ำใจหรืออะไรที่ควรกล่าวคำขอบคุณก็พูดได้อย่างไม่ลังเล นี่คือการฝึกพื้นฐานของการอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมที่ดีให้กับเขา และเมื่อเขาได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกโดยมีพื้นฐานเหล่านี้ติดตัวแน่นอนว่าเขาย่อมได้รับความชื่นชมจากคนที่พบเจอและเป็นอีกแรงหนึ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจในการทำดีให้กับเขา

7.สมาร์ทโฟนต้องเล่นให้เป็นเวลา

ไม่ดีแน่ถ้าลูกจะอยู่กับหน้าจอทั้งวันเพราะจากประโยชน์จะกลายเป็นโทษเอาง่ายๆ ดังนั้นคุณควรมีเวลาและคัดสรรแอพฯ ที่เหมาะสมไว้ให้กับเขาเพื่อที่จะไม่ทำให้พื้นที่ส่วนตัวและเวลาของครอบครัวหายไปกับหน้าจอนั่นเอง

8.เป็นแม่แล้วจะใจอ่อนกับลูกไม่ได้

แน่นอนว่าเด็กบางคนอาจจะออดอ้อนเก่งเหลือเกินจนทำให้ใจละลายและยอมทำตามที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายๆ แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาติดนิสัยและได้อะไรมาง่ายเกินไป เอาเป็นว่าถ้าอะไรที่เป็นข้อตกลงกันแล้วคุณแม่ก็ต้องทำตามนั้นอย่าไม่อ่อนข้อโดยพิจารณาจากเหตุผลทุกอย่างโดยรอบคอบแล้วเช่นกันเพื่อที่จะทำให้ลูกรู้จะระเบียบวินัยและการทำตัวอยู่ในกรอบที่เหมาะสมนั่นเอง

การเลี้ยงลูกเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา ความใส่ใจ ความเข้าใจ และความอดทนเป็นอย่างมากเพราะเขายังต้องไปเผชิญกับสภาพแวดล้อมนอกบ้านและความสับสนในชีวิตอีกมากมายการที่ครอบครัวได้ปูพื้นฐานบางส่วนให้เขาไว้แล้วนั้นก็ถือเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่จะทำให้เขาสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีสติ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP