8 วิธีสอนลูก ปลูกฝังให้แบ่งปัน (Sharing)

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ
JESSIE MUM

ลูกๆ เมื่อเติบโตขึ้นจนอายุประมาณ 3-5 ขวบ เค้าจะมีอาการ “หวงของ” หรือ “อาการที่แสดงว่าเป็นเจ้าของ” เริ่มตั้งแต่ของเล่น ขนม เสื้อผ้า เก้าอี้ และทุกๆ อย่างที่เค้าจะสามารถเป็นเจ้าของได้ หรือแม้กระทั่งหวงคุณแม่ หวงคนรอบข้างก็มี เวลาผู้เขียนซื้อของหรือซื้อขนมมา ลูกจะถามแทบทุกชิ้นค่ะ ว่า “อันนี้ของใคร?” ซึ่งผู้เขียนก็อาศัยการสอดแทรกไปเป็นระยะๆ ว่า “ขนมชิ้นนี้ทานด้วยกันค่ะ” เค้าก็จะเข้าใจว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ

อาการหวงของหรือการแสดงความเป็นเจ้าของของเด็กวัยนี้ถือเป็น “เรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย” นะคะ เพราะหากปล่อยไว้จนลูกน้อยเติบโต เค้าจะไม่รู้จักคำว่า “แบ่งปัน (Sharing)” เลย ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรค่อยๆ สอนลูกน้อยไปเรื่อยๆ ให้เค้าซึมซับความมีน้ำใจ เสียสละ และรู้จักการแบ่งปันนะคะ เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีวิธีไหนบ้าง

Youtube : 8 วิธีสอนลูก ปลูกฝังให้แบ่งปัน (Sharing)

เมื่อลูกได้รับมากพอ เมื่อนั้นลูกพร้อมจะให้

เมื่อลูกได้รับมากพอ เมื่อนั้นลูกพร้อมจะให้

เรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์เราเลยค่ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ลูกได้รับมากพอแล้ว จนลูกรู้สึกว่าไม่ขาดอะไร เมื่อนั้นลูกก็พร้อมที่จะทำความเข้าใจในเรื่องการแบ่งปัน และลูกจะเป็นผู้แบ่งปันคนอื่นๆ ได้ในที่สุดค่ะ

สอนให้ลูกได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

สอนให้ลูกได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง

เวลาที่ลูกได้เข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ แน่นอนลูกเราอาจจะมีโอกาสที่เป็นทั้ง “ผู้ให้และผู้รับ (Give & Take)” เมื่อลูกเป็นคนที่ขอยืมเพื่อนเล่น แล้วเพื่อนให้ยืมเล่น ลูกย่อมรู้สึก “ดีใจ” คุณแม่ควรชี้จุดนี้ให้ลูกได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองว่า “ลูกกำลังดีใจ
กลับกัน หากลูกขอยืมเพื่อนแล้วเพื่อนไม่ให้ ลูกย่อม “หงุดหงิด เสียใจ และผิดหวัง” คุณแม่ก็ต้องอธิบายให้ลูกได้เข้าใจเช่นกันค่ะ ว่าของเล่นนั้นไม่ใช่ของลูก ถ้าอยากเล่นต้องยืมเพื่อนไว้ก่อน ให้ลูกได้รู้จักความผิดหวังและการขอยืมเพื่อน ที่สำคัญ เค้าจะเรียนรู้ว่า “การเป็นได้ทั้งผู้ให้และผู้รับเป็นอย่างไร

ให้ลูกได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ

ให้ลูกได้เข้าสังคมกับเพื่อนๆ

เป็นอีกข้อนึงที่คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมลูกเมื่อมีโอกาส ลูกจะได้เรียนรู้ว่าการอยู่ในสังคมจะมีเด็กๆ หลากหลายแบบ ลูกจะได้ฝึกทั้งการเข้าหาคนหมู่มาก การเอาตัวรอดในสังคม ความอดทน การรอคอย และที่สำคัญการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ (ข้อนี้ช่วยในเรื่องพัฒนาการด้าน SQ = Social Quotient ให้ลูกด้วยนะคะ) เรียนรู้ว่า “เมื่อไหร่ควรให้ เมื่อไหร่ควรรับ

เคารพสิทธิ์ลูก

เคารพสิทธิ์ลูก

คนเราทุกคนย่อมมี “ของรักของหวง” กันทั้งนั้น แม้แต่ลูกเราก็ย่อมมีค่ะ ดังนั้น ก่อนจะให้ลูกแบ่งปันอะไรให้ใคร ควรสอบถามความสมัครใจก่อน ยิ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นของรักของหวงของเค้าอย่างชอบธรรม ที่สำคัญ อย่าบังคบให้ลูกต้องแบ่งปัน ในสิ่งที่เค้ารัก เค้าหวงนะคะ เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกเกลียดการแบ่งปัน เพราะการแบ่งปันพรากสิ่งที่เค้ารักไป
แต่หากสิ่งไหนที่ไม่ใช่ของลูกโดยชอบธรรม พอที่จะแบ่งให้ได้ คุณแม่ต้องค่อยๆ อธิบายให้เค้าเข้าใจนะคะ ใจเย็นๆ อย่าบังคับ

ไม่ควรลงโทษลูกด้วยการว่ากล่าว หรือการตี

ไม่ควรลงโทษลูกด้วยการว่ากล่าว หรือการตี

หากคุณแม่พูดก็แล้ว อธิบายก็แล้ว ลูกยังไม่ยอมให้อีก ก็อย่าว่ากล่าวลูกแรงๆ หรือลงไม้ลงมือนะคะ โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น เพราะเด็กๆ ก็อายเป็นค่ะ

ชมเชยลูก

ชมเชยลูก

กำลังใจ” จากคนในคุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญค่ะ วันนึงเมื่อลูกสามารถแบ่งปันคนอื่นได้ คุณพ่อคุณแม่ควรชมเชยลูกตามสมควร เพราะคำชมเชยจากคุณพ่อคุณแม่คือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับลูก ลูกจะเห็นว่าการแบ่งปันเป็นสิ่งที่ดี และทำไปเรื่อยๆ ลูกจะติดเป็นนิสัยไปจนโตค่ะ

รู้จักการบริจาค

รู้จักการบริจาค

ถ้าตามหลักธรรมะ “การบริจาคก็คือ การเสียสละอย่างหนึ่ง” หากมีโอกาสคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปทำกิจกรรมจิตอาสา เข้าวัด หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการบริจาคสิ่งของ เครื่องใช้ เสื้อผ้าต่างๆ โดยเป็นสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วก็ได้
แต่หากครอบครัวไหนที่พอจะมีงบหน่อยก็อาจจะซื้อข้าวของ เครื่องใช้ ข้าวสาร อาหารแห้ง และพาลูกไปที่มูลนิธิหรือองค์กรต่างๆ ที่เค้ารับบริจาค แบบนี้ก็ได้ค่ะ สิ่งนี้ก็จะทำให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องการบริจาคแล้วล่ะค่ะ

คุณพ่อคุณแม่คือแบบอย่างที่ดี

คุณพ่อคุณแม่คือแบบอย่างที่ดี

ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่คือแบบอย่างที่ดีของลูกเสมอ บางครั้งการพูด การสอนด้วยวาจาอย่างเดียวไม่พอ ถ้าจะให้เห็นผลเร็ว และยั่งยืน คุณพ่อคุณแม่ต้องทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง เพราะลูกมักจะเลียบแบบพฤติกรรมจากคุณพ่อคุณแม่ เพราะคุณพ่อคุณแม่คือ ฮีโร่ ของลูกน้อย

ลูกน้อยเปรียบเสมือนผ้าขาว” อยู่ที่คุณพ่อคุณแม่จะฝึก จะสอนเค้า ซึ่งทุกอย่างต้องใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ลูกๆ ของคุณแม่ท่านไหนเริ่มมีอาการหวงของแล้วบ้างคะ มาแชร์กันได้น้า^^

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP