ทำอย่างไรให้ลูกน้อยเลิกติดขนม

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

ขนมกับเด็กเล็กคือสิ่งที่ขาดกันได้ยากเพราะเด็กๆ เขามักจะตื่นเต้นและอยากรู้อยากลองไปเสียทุกอย่างโดยเฉพาะกับขนมที่ชอบมีหน้าตาน่าสนใจดึงดูดให้เด็กๆ จะต้องงอแงร้องขอคุณพ่อคุณแม่ให้ได้กิน แต่ก็อย่างที่รู้กันดีว่าขนมเป็นสิ่งที่เด็กชอบแต่ก็ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพของเด็กๆ มากนักเช่นเดียวกัน เพราะสามารถทำให้มีความเสี่ยงกับไตและเสี่ยงกับทั้งเบาหวาน ความอ้วน ฟันผุ แถมในบางครั้งเขายังกินขนมกันเพลินจนอิ่มและไม่ยอมที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์ถูกหลักโภชนากันอีกด้วย จึงมีผลต่อสุขภาพของเขาโดยตรงอย่างแน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วลองมาหาวิธีให้ลูกเลิกติดขนมกันไปเลยดีกว่า

มาเริ่มรู้จักกับเคล็ดลับที่ทำให้ลูกน้อยเลิกติดขนมกันดีกว่า

1.เปลี่ยนเวลาในการให้กินขนม

หากคุณลองเปลี่ยนมาให้ลูกกินขนมในช่วงหลังมื้ออาหารแทนวิธีนี้น่าจะทำให้ลูกค่อยๆ กินขนมได้น้อยลงเองเพราะอิ่มแถมยังไม่ขัดใจลูกที่อยากกินขนมอีกด้วย หากเขาติดขนมมากอาจจะต้องยอมให้กินทุกครั้งหลังมื้ออาหารตามที่เขาเรียกร้องแต่ถ้าเป็นไปได้ถ้าเขาไม่เรียกร้องอยากกินขนมหลังมื้ออาหารก็ให้คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมดีๆ มาเบี่ยงเบนความสนใจของเขาแทน

2.เล่าถึงผลลัพธ์ในทางลบที่ลูกอาจจะได้รับหากกินขนมเยอะเกินไป

ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเข้าใจได้นอกจากความเป็นจริง การนำกรณีต่างๆ มายกตัวอย่างให้ลูกฟังอย่างมีเหตุผลไม่ใช่การขู่ให้เขากลัวจะค่อยๆ ทำให้เขาซึมซับและเห็นภาพมากยิ่งขึ้น อาจจะเริ่มจากการอธิบายถึงอาการฟันผุที่อาจทำให้ลูกต้องเจ็บปวด หรือความอ้วนที่อาจจะทำให้เขาอึดอัดและเป็นผลเสียกับสุขภาพได้ในอนาคต เป็นต้น

3.เลิกให้ขนมเป็นรางวัล

การให้รางวัลถือเป็นการสร้างทัศนคติบวกให้กับลูก ถ้าลูกตั้งใจทำอะไรแล้วสำเร็จและได้ขนมถุงหรือขนมที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เป็นรางวัลบ่อยๆ แล้วล่ะก็เขาก็จะคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ดีจนต้องได้เป็นรางวัลเมื่อคุณห้ามไม่ให้เขากินในโอกาสอื่นอาจจะทำให้เขาไม่เข้าใจและขัดแย้งกับคุณได้ ควรหันไปให้อย่างอื่นกับเขาแทนและควรเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และลูกชอบไปพร้อมๆ กัน

4.มีข้อกำหนดในการกินอย่างชัดเจน

หากจะห้ามไม่ให้ลูกกินขนมโดยเด็ดขาดน่าจะเป็นผลเสียมากกว่า พูดได้เลยว่าสำหรับเด็กเล็กการยิ่งห้ามเหมือนการยิ่งยุและอาจจะทำให้ลูกเครียดโดยใช่เหตุ จะดีกว่ามากหากคุณแค่กำหนดปริมาณที่เขาจะสามารถกินขนมในแต่ละครั้งได้โดยพิจารณาจากความเหมาะสมของอายุลูกและหลักโภชนาการมาประกอบกันและอธิบายให้ลูกเข้าใจไปพร้อมๆ กันด้วย เหมือนให้เขาได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั่นเอง

5.พ่อแม่คือตัวอย่างที่ดีที่สุด

คงไม่ต้องอธิบายเลยว่าถ้าคุณห้ามลูกกินขนมแต่ทั้งคุณพ่อคุณแม่เองนั่งกินขนมถุงไปดูหนังกันไปลูกน่าจะเกิดความสงสัยและไม่เข้าใจคิดว่ามันเป็นความไม่ยุติธรรมเสียมากกว่าความหวังดี ดังนั้นในครอบครัวควรอดทนและทำทุกอย่างไปในแนวทางเดียวกัน นี่อาจจะทำให้ลูกเลิกอยากกินขนมได้ง่ายขึ้นเพราะว่าเขาไม่เคยเห็นเลยว่าพ่อแม่ของเขานั้นกินขนมที่ไม่มีประโยชน์อย่างที่เคยสอนเขาเอาไว้นั่นเอง

แล้วถ้าจะให้ลูกกินขนมควรเลือกอย่างไรดี

นอกจากผลไม้ที่มีรสชาติหวานถูกใจเด็กๆ และเป็นตัวช่วยในการเบี่ยงเบนความสนใจจากขนมได้ดีตัวเลือกหนึ่งแล้วนั้นอย่างไรก็ต้องยอมรับว่าไม่มีทางที่ลูกจะไม่รู้สึกอยากกินขนมเพราะต่อให้เขาชอบผลไม้มากแค่ไหนก็อาจจะมีบางวันที่เบื่อและอยากจะกินขนมดูบ้าง ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมาหาความลงตัวของขนมที่สามารถให้ลูกๆ ทานได้อย่างสบายใจกันไว้ด้วยดีกว่า

1.ตรวจสอบข้อมูลทางโภชนาการกันก่อน

ทั้งน้ำตาล โซเดียม และไขมัน รวมไปถึงปริมาณแคลอรี่ในขนมแต่ละอย่างนั้นคือจุดที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาให้ดีก่อนการเลือกซื้อขนมให้ลูกโดยดูจากอายุและน้ำหนักของลูกเพื่อความเหมาะสมนั่นเอง

2.พยายามเลือกขนมที่ทำมาจากธรรมชาติ

การมองาขนมที่ผ่านการแปรรูปมาน้อยที่สุดหรือเป็นขนมที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เรียบร้อยแล้วย้อมปลอดภัยกับลูกมากกว่าเพราะจะไม่มีสารกันบูดนั่นเอง

3.ขนมที่ดีจะไม่ทำให้ลูกต้องหิวน้ำ

การที่ลูกได้รับโซเดียมมากเกินไปอาจจะทำให้เขามีอาการหิวน้ำมากซึ่งไม่ดีกับไตของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในขนมถุง ถ้าเป็นไปได้ควรให้ลูกหลีกเลี่ยงขนมประเภทนี้ไปเลยจะเป็นการดีที่สุด

การดูแลเอาใจใส่และการสอนลูกให้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษของสิ่งต่างๆ อย่างแท้จริงนั้นจะเป็นเรื่องที่ต้องค่อยๆ ปลูกฝังควบคู่ไปกับเหตุผลและการเป็นตัวอย่างที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ อย่าใจร้อนและหงุดหงิดกับลูกหากเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหวังดีเพราะอย่างไรก็ตามหากคุณดูแลใส่ใจเขาอย่างที่สุดแล้วเวลาจะเป็นตัวช่วยให้ลูกค่อยๆ เข้าใจความหวังดีของคุณเอง

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP