ปวดมดลูกหลังคลอด เกิดจากอะไร แบบไหนควรพบแพทย์

การคลอดและหลังคลอด
JESSIE MUM

การปวดมดลูกหลังคลอดเป็นอาการที่คุณแม่หลังคลอดต้องเจอ บางรายอาจเกิดความกังวล เพราะคลอดลูกไปแล้วแต่ทำไมยังมีอาการปวดมดลูกอยู่ วันนี้เราจะไปไขข้อข้องใจกันค่ะ

อาการปวดมดลูกหลังคลอด

หลังคลอดมดลูกจะเริ่มมีการลดขนาดเล็กลง เพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งระหว่างที่มดลูกกำลังหดตัวหรือลดขนาดลงนั้น จะส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวด เจ็บ หรือมีอาการชา บริเวณมดลูกและหน้าท้อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นในระยะ 2 – 3 วันแรก หลังคลอด และมดลูกจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเวลา 4 – 6 สัปดาห์โดยประมาณ

สาเหตุที่ปวดมดลูกหลังคลอด

การปวดมดลูกหลังคลอด เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

มดลูกกำลังหดตัว

หลังจากที่คุณแม่คลอดลูกน้อยออกมาแล้ว มดลูกก็จะเริ่มมีการหดตัวทันที เพื่อให้กลับไปสู่ภาวะปกติ หรือเพื่อให้มีขนาดเท่าเดิม ดังนั้นคุณแม่จะมีอาการปวด หรือชา บริเวณมดลูกและหน้าท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะ 2 – 3 วันแรกหลังจากการคลอด ซึ่งจะสามารถกลับเข้าสู่ขนาดปกติได้ในระยะเวลา 4 – 6 สัปดาห์ โดยปะระมาณ

ท้องผูก

คุณแม่ส่วนใหญ่มักมีอาการท้องผูก ถ่ายยากหลังคลอด อาการปวดท้องที่เกิดจากท้องผูกมักเกิดจากการบีบรัดของลำไส้ ส่งผลให้คุณแม่ปวดท้อง นอกจากนี้ยังเกิดจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ค้างอยู่ และผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท

ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดคลอด

สำหรับคุณแม่ที่คลอดด้วยการผ่าตัด อาจมีการเจ็บและปวดบริเวณรอบ ๆ แผลผ่าได้ อาการนี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการนอนราบ และกินยาตามที่แพทย์สั่ง

ปวดมดลูก หรือปวดท้องแบบไหนที่ควรพบแพทย์

อาการปวดมดลูกหลังคลอด ก็มีเช่นกันที่คุณแม่ควรใส่ใจและระวัง ซึ่งก็จะมีอาการดังนี้ ที่คุณแม่ควรพบแพทย์

อาการปวดมดลูกที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์

เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทั่วไป เช่น กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับลำไส้ ได้แก่ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การติดเชื้อทางทางเดินปัสสาวะ ไส้ติ่ง หรือกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับระบบอวัยวะต่าง ๆ ของผู้หญิง เช่น มดลูก หรือช่องคลอด เป็นต้น

อาการปวดท้องน้อยที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์

อาการในข้อนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ ดังนี้

อาการปวดเฉียบพลัน

มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หลังคลอด อาการจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และความเสี่ยงขณะคลอด เช่น มดลูกที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ (กรณีตั้งครรภ์แฝด) อาจส่งผลให้มดลูกมีการบีบตัวมากกว่าปกติ เสี่ยงติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ เลือดคั่ง หรืออาจมีเลือดออกบริเวณแผลที่ผ่าคลอดได้

อาการปวดท้องน้อย หลังคลอดแล้ว

ส่วนใหญ่มักเกิดจากการตกเลือด มดลูกหย่อนยาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อได้ เหล่านี้จึงส่งผลให้คุณแม่มีอาการปวดท้องน้อย หรือปวดมดลูกได้ นอกจากนี้ การที่ลูกเข้าเต้าก็สามารถทำให้คุณแม่ปวดท้องน้อยหรือปวดมดลูกได้เช่นกัน

อาการปวดมดลูกหลังคลอด หรือปวดท้องแบบไหนที่ไม่ควรละเลย

อาการปวดมดลูกในข้อนี้ แม่โน้ตอยากให้คุณแม่หลังคลอดคอยสังเกตตัวเองเป็นประจำค่ะ เพราะอาการที่จะพูดถึงดังต่อไปนี้ จะเป็นนัยสำคัญที่หากมีการปล่อยไว้ อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ หากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที

  • น้ำคาวปลา ที่ปกติจะหมดไปภายในระยะเวลา 6 สัปดาห์ โดยประมาณ แต่กลับมีเลือดออกมาเป็นก้อน และมีกลิ่นเหม็น
  • มีอาการปวดท้องมากกว่าปกติ หรือปวดท้องในขณะที่ไม่ได้ให้นมลูก
  • มีไข้
  • พบว่ามีลิ่มเลือดออกมาทางช่องคลอดในปริมาณมาก

บรรเทาอาการปวดมดลูกหลังคลอด ได้ด้วยตัวเอง

ใช้ถุงประคบร้อน

ใหคุณแม่ใช้ถุงประคบร้อน เนื่องจากถุงประคบร้อนจะช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น มดลูกจะคลายตัว

แช่น้ำอุ่น

การลงแช่ในน้ำอุ่นเป็นระยะเวลา 30 นาที โดยประมาณ จะทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่ข้อนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ

กินยา

ให้คุณแม่กินยาบรรเทาอาการปวด เช่น พาราเซตามอล ก็จะช่วยให้คุณแม่มีอาการที่ดีขึ้นได้

นอนในท่าสบาย

จะนอนราบ หรือจะท่าไหนก็ได้ค่ะ ที่คุณแม่คิดว่าสบาย เพื่อเป็นการบรรเทาอาการเจ็บปวด หรืออาจหาหมอนหนุนมารอง เพื่อช่วยพยุงด้วยก็ได้ค่ะ

คุณแม่หลังคลอดมีหลายอย่างที่ต้องดูแล โดยเฉพาะตัวเอง และลูกน้อย อย่าโฟกัสที่ลูกน้อยอย่างเดียวนะคะ เพราะลูกน้อยก็ต้องการคุณแม่ในการดูแลเขาเช่นกัน แต่ควรใส่ใจทั้งตัวเองและลูกน้อยไปพร้อมกัน ทำจิตใจให้แจ่มใส หากพบว่ามีอะไรที่ผิดปกติ และไม่แน่ใจ ให้ปรึกษาแพทย์ทันที

อ้างอิง parenting.firstcry.com, phyathai.com

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP