การสอนลูกให้ช่วยทำงานบ้านนั้น คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่คะว่ามีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะจะทำให้เด็กมีวินัย มีความรับผิดชอบ ฯลฯ ซึ่งหากเด็กได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เนิ่น ๆ เค้าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนอื่น ๆ แต่จะมีรายละเอียดยังไง เริ่มตรงไหนก่อนดี เราจะมาเริ่มไล่เรียงกันทีละข้อเลยค่ะ
สารบัญ
ผลงานวิจัย การทำงาน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้ทำการศึกษาและวิจัยเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1938 จนถึงปัจจุบัน โดยนักวิจัยทั้งคนระบุว่า
“สิ่งที่มนุษย์ต้องมี เพื่อช่วยให้ชีวิตมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้ คือ ความรัก และ การมีจริยธรรมในการทำงาน”
ข้อดีของการให้ลูกได้ทำงานบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย
- ลูกจะมีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งนี้จะติดตัวเค้าไปจนเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่
- ลูกจะคุ้นชินกับการยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น
- งานบ้านสอนให้ลูกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เพราะลูกเคยผ่านงานบ้านเหล่านี้มาก่อน เค้าจะรู้ว่ามันเหนื่อยมากหรือน้อยแค่ไหน
- รู้จักการวางแผน รู้ว่าอะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง
- ลูกจะสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและตรงตามความต้องการ เพราะด้วยความที่ลูกอยากจะได้เล่นเร็วๆ ดังนั้น เค้าจะตั้งใจฟังว่าอะไรต้องทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ต้องทำงานซ้ำหลายรอบ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการปูพื้นฐานให้ลูกเป็นเด็กที่ตั้งใจฟัง อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในอนาคต
- สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
- ลูกจะมีความสุขกับครอบครัวมากขึ้นเพราะเค้ารู้ว่างานบ้านไม่ใช่งานสบาย ดังนั้น การที่ลูกจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนนี้ก็จะทำให้งานบ้านเสร็จไวขึ้น คุณพ่อคุณแม่และลูกก็จะมีเวลาให้กันมากขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นมากขึ้นนั่นเองค่ะ
ทำไมต้องฝึกให้ลูกช่วยงานบ้าน
การให้ลูกได้ช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นตากผ้า พับผ้า ล้างจาน ฯลฯ ลูกจะได้รับความฉลาดทางปัญญา(Intelligence Quotient-IQ), ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient-EQ) และความฉลาดทางสังคม(Social Quotient-SQ)เอ๊ะ…จะช่วยยังไง? ไปดูกันค่ะ
ความฉลาดทางปัญญา (Intelligence Quotient – IQ)
เมื่อลูกได้รับมอบหมายงานบ้านให้ทำ เริ่มแรกลูกจะยังไม่รู้วิธีหรือขั้นตอน จนกว่าคุณพ่อคุณแม่แนะนำและลูกได้ลงมือทำ ลูกจะเรียนรู้ว่าอะไรควรทำก่อนหรือหลัง ลูกจะเรียนรู้เรื่องการวางแผนว่าจะทำอะไร หรือต้องทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient-EQ)
เพราะความที่ลูกยังเด็ก ดังนั้น สิ่งที่เค้าต้องการมีเพียง ได้กิน ได้เล่น ได้นอน เมื่อเค้าต้องมารับผิดชอบการทำงานบ้าน แรกๆ ก็คงจะมีหงุดหงิดไม่น้อย แต่…เมื่องานบ้านก็ต้องทำ จะทำยังไงดี ก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องทำงานบ้านให้เสร็จก่อน เค้าจะได้เรียนรู้ในการจัดการกับอารมณ์ของตนเอง เพื่อให้งานเสร็จลุล่วงไปด้วยดี ทั้งนี้นอกจากการให้ลูกได้ช่วยงานบ้านแล้วก็ยังมี “12 เทคนิคการเลี้ยงลูกให้มีความฉลาดทางอารมณ์สูง (EQ)” ให้คุณแม่ได้ดูเป็นแนวทางอีกด้วยนะคะ
ความฉลาดทางสังคม (Social Quotient-SQ)
เมื่อลูกเรียนรู้แล้วว่าอีกหนึ่งหน้าที่ในชีวิตที่เค้าต้องทำคือ การช่วยงานบ้านคุณพ่อคุณแม่ สิ่งนี้จะทำให้เค้าเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเพราะเค้าเคยผ่านงานดังกล่าวมาก่อน และที่สำคัญลูกจะรู้จักวิธีการเข้าหาคนอื่นด้วยวิธีที่เหมาะสม หากคุณแม่ยังมีคำถามเกี่ยวกับ SQ สามารถติดตามได้จากบทความนี้ค่ะ “SQ คือ เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กอ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว และรู้จักการปรับตัวต้องทำอย่างไร”
สิ่งที่ลูกจะได้จากการช่วยงานบ้านคุณพ่อคุณแม่ที่นอกเหนือจากกลุ่มของ Quotient ทั้งหลายแล้วลูกยังจะได้ในสิ่งต่อไปนี้อีกด้วยนะคะ
- ลูกจะเห็นคุณค่าในตัวเอง (Self-esteem) เพราะเขาจะรู้สึกว่าเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถ สามารถที่จะแบ่งเบางานของคุณพ่อคุณแม่ได้
- ลูกจะได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ที่หลากหลาย มีทักษะในการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการช่วยงานบ้าน
- มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะเป็นเด็กที่ขาดความมั่นใจ และไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง
- เพิ่มช่วงเวลาอันอบอุ่นเวลาคุณภาพให้แก่กันในครอบครัว เพราะเมื่อลูกทำงานบ้านเสร็จ คุณพ่อคุณแม่และลูกก็จะได้มีเรื่องราวที่คุยกัน พูดถึงและชมเชยลูกในสิ่งที่ลูกได้ทำ
- มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้น
ซึ่งเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้ลูกอยู่แต่กับหน้าจอเป็นไหน ๆ เลย
งานบ้านที่เหมาะสมกับลูกวัย 1-3 ขวบ
เด็กในวัยนี้เค้าก็เริ่มช่วยงานบ้านคุณพ่อคุณแม่ได้แล้วนะคะ ถึงแม้อาจจะไม่มากหรืออาจจะไม่ได้เรียบร้อยมากนักก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่ให้ลูกทำอะไรเลยโนะ ทีนี้ลูกในวัยนี้ทำอะไรได้บ้าง
- เก็บของเล่นใส่กล่องหรือใส่ถัง
- แขวนเสื้อผ้ากับขอเกี่ยว
- เก็บรองเท้าบนชั้นวางรองเท้า
- เอาเสื้อผ้าใช้แล้วใส่ลงตะกร้า
- เก็บกระบอกน้ำ ขวดน้ำลงอ่างล้างจาน
- ใช้ไม้กวาดถูไปถูมา
- พับผ้า (แม้ว่าจะได้แบบขยุ้มๆ ก็ตาม ^^)
สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรลืมเลยก็คือ การชมเชยลูกตามสมควร เพื่อให้ลูกได้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง และครั้งต่อ ๆ ไป ลูกก็จะรู้สึกว่าอยากช่วยงานบ้านคุณพ่อคุณแม่อีก แต่ก็อีกล่ะค่ะ แม่โน้ตเชื่อว่าก็มีบางครอบครัวที่ “ลูกไม่ช่วยงานบ้าน เพราะอะไร พร้อมวิธีแก้ไข”