ครอบครัวเริ่มต้นมาจากความรักแต่เมื่อถ้าวันหนึ่งความรักเช่นเคยได้เริ่มจางหายไปจากความรู้สึกของคนคู่หนึ่งก็คงมีเรื่องใหญ่ให้ต้องตัดสินใจกันอีกสักครั้งหนึ่งซึ่งถ้ามันจบลงด้วยการแยกทางก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรและอาจจะเป็นทางที่ดีกว่าในวันที่ชีวิตคู่เดินทางมาถึงทางตัน
แต่ถ้าในครอบครัวมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาสิ่งหนึ่งก็คือเขาควรจะได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เช่นเดียวกันเพื่อความยุติธรรมในการปรับตัวและถือเป็นการซ่อมแซมรอยร้าวไปพร้อมๆ กันและให้ทุกคนที่แม้จะมีทางเดินชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้ร่วมมือกันพาให้อุปสรรคครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตามคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงจะคุยกันเข้าใจดีและตกลงกันได้แล้วแต่แน่นอนเลยว่าแทบทุกคู่ยังต้องมานั่งปรึกษากันว่าจะบอกลูกอย่างไรดีหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกลูกอย่างไรดีเพื่อให้ลูกเข้าใจไม่ใช่ไปสร้างปมให้ลูกแทน…วันนี้เราจึงมีแนวทางการบอกลูกเมื่อถึงวันที่ครอบครัวต้องแยกทางกันเพื่อให้เขาเข้าใจและให้ทุกอย่างไม่เร่งรัดและทำร้ายเขาจนมากเกินไปจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
สารบัญ
วิธีบอกลูกวันนี้แล้วค่อยๆ ดูแลความรู้สึกกันและกัน
ต้องให้ความมั่นใจกับลูก
อย่าทำให้เขาเข้าใจไปเองว่าการเลิกกันนั้นมีสาเหตุมาจากเขาเด็ดขาด เพราะแน่นอนว่าเขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรที่ไกลตัวและไม่เคยรู้จักมาก่อนดังนั้นเขาจะมุ่งไปที่ตัวเองเป็นอันดับแรกๆ ไม่ว่าจะคิดว่าเพราะตัวเองเรียนไม่เก่ง ดื้อ หรือไม่ว่าอะไรก็ตามดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าไปอธิบายในส่วนนี้ให้ชัดเจนเพื่อเป็นการป้องกันการสร้างปมให้กับตัวเองของลูก
การย้ำเขาอยู่เสมอว่าทุกอย่างไม่มีสาเหตุอะไรมาจากเขาเลยและย้ำไปอีกว่าการที่พ่อและแม่ต้องเลิกกันนั้นไม่มีผลที่ทำให้พวกคุณรักเขาน้อยลงแม้แต่นิดเดียวเลย เพียงแค่พวกคุณไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้ด้วยเหตุผลของพวกคุณนั่นเอง
เปิดโอกาสให้เขาได้รู้เกี่ยวกับการแยกทาง
อย่ากลัวการที่เขาจะต้องรู้ให้กลัวการที่เขาจะไม่รู้เสียดีกว่า การได้รับรู้อย่างมีเหตุผลนั้นจะช่วยให้เขาสามารถปรับตัวในระยะยาวได้ดี และคุณทั้งคู่ก็ควรนั่งกันทั้งครอบครัวให้เขาได้ถามในสิ่งที่เขาอยากรู้คลายข้อสงสัยและเพิ่มความสบายใจให้กับเขา แต่ในการตอบคำถามนั้นควรตอบให้กว้างอย่าลงรายละเอียดที่เป็นการด่าทออีกฝ่ายหรือโทษกันไปมาโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งทำให้เขาเข้าใจด้วยว่าความเป็นพ่อแม่ลูกจะยังดำเนินต่อไปได้และไม่มีวันสิ้นสุดอย่างแน่นอน
อย่าพยายามเปลี่ยน Lifestyle ของเขา
แน่นอนว่ามันจะต้องมีบางจุดเปลี่ยนไปบ้างแต่พยายามทำให้ทุกอย่างใกล้เคียงอะไรเดิมๆ ให้มากที่สุด อย่าให้เขาฝังตัวเองอยู่กับคำว่าพ่อแม่แยกทางกันมากไป ให้เขาได้เรียนที่เดิม เจอสังคมนอกบ้านแบบเดิมๆ ได้มีกิจกรรมในตามแบบที่เคยทำมา จะสามารถช่วยลดความเครียดและความกลัวที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปให้กับเขาได้มากเลยทีเดียว
มอบความรักให้เขา
นี่คือพื้นฐานที่เขาต้องได้อยู่แล้วแต่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอาจจะต้องใส่ใจและทำให้เขารับรู้ได้ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา และไม่ว่าเขาจะต้องอยู่กับใครไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่ก็ตามการให้ความรักกับเขาได้เหมือนเดิมและทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความจริงใจได้ด้วยนั้นจะช่วยเยียวยาใจของเขาได้ดีเลยทีเดียว
คุณพ่อคุณแม่ต้องใจนิ่งและพร้อมที่จะเข้าใจอารมณ์เอาแต่ใจหรือก้าวร้าวของเขาในบางครั้งและจากนั้นเขาก็จะค่อยๆ รับรู้ได้เองว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนหรือจะอยู่กับใครความรักและความอบอุ่นจากคุณทั้งสองคนก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
แน่นอนว่าสิ่งที่หยิบมาแนะนำกันในวันนี้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ดีกับลูกมากและแน่นอนอีกเช่นกันว่าเป็นสิ่งที่ต้องใจแข็งและอดทนจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่พอสมควรเพราะว่าคนที่แยกทางกันแล้วแต่ก็ยังจำเป็นต้องช่วยกันประคับประคองใจของลูกบางครั้งมันอาจจะเหนื่อยและท้อแท้มากกว่าตอนอยู่ด้วยกันเสียอีก แต่อย่างไรก็ตามมันคือหน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ที่ต้องมีความเสียสละ อดทน และคิดถึงความสุขของลูกมาก่อน และอยากจะแนะนำว่าถ้าคุณทำหน้าที่ในการดูแลลูกได้ดีแล้วก็อย่าลืมที่จะทำหน้าที่ดูแลตัวเองให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน แล้ววันหนึ่งทุกอย่างจะผ่านไปและดีขึ้นได้อย่างแน่นอน