ลูกชอบเถียง ขึ้นเสียง เพราะอะไร ทำอย่างไรให้เถียงอย่างสร้างสรรค์

การเลี้ยงลูกวัย 3-5 ขวบ

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่แหลายๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะว่า เด็กในวัย 3 – 5 ขวบจะเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากมีส่วนร่วมในการช่วยตัดสินใจ อยากมีสิทธิเลือกของใช้ของเค้าได้เอง ดังนั้น “การเถียง” จึงเป็นอีกสิ่งที่เด็กจะเริ่มแสดงออก แต่เนื่องจากสังคมไทยเราส่วนใหญ่ เราจะสอนเด็กและพูดต่อๆ กันมาว่า “เป็นเด็กอย่าเถียงผู้ใหญ่” สิ่งนี้ยิ่งจะทำให้เด็กไม่ได้ฝึกหัดเรื่องความคิดรอบด้าน หรือแม้แต่เรื่องของ “การคิดวิเคราะห์” เลย
คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ “ลูกเถียงอย่างสร้างสรรค์ได้” แต่จะมีวิธีสอนอย่างไร ไปติดตามกันค่ะ

โลกของเด็กไม่ต่างจากผู้ใหญ่

เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่ในเรื่องของความเห็นต่าง มีความขัดแย้ง หรือแม้แต่การแย่งชิงพื้นที่ความเป็นส่วนตัว

อลิสัน โจนส์ (Alyson Jones) นักบำบัดและผู้เขียนหนังสือ M.O.R.E. A New Philosophy for Exceptional Living กล่าวว่า

“เราไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องเขาจากปัญหาความขัดแย้งทุกอย่างในชีวิต อันที่จริงปัญหาเหล่านั้นจะช่วยให้พวกเขาสร้างเครื่องมือสำคัญในชีวิตที่เราต่างก็อยากให้พวกเขามีใจจะขาด”

เครื่องมือที่ว่าก็คือ ทักษะในการคิดวิเคราะห์ หรือการโต้แย้งด้วยเหตุผล รู้จักแยกข้อมูลออกเป็นส่วนๆ วิเคราะห์ คัดกรอง และทดสอบแนวคิดของตัวเองจะช่วยให้เด็กๆ อยู่รอดท่ามกลางกองทัพข้อมูลข่าวสารทั้งจริงและเท็จในปัจจุบัน

เพราะอะไรลูกชอบเถียง

โดยหลัก ๆ แล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อใหญ่ ๆ ดังนี้

ลูกมีความเป็นตัวของมากขึ้น

ลูกน้อยจากที่เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย พอเริ่มเข้าวัย 2 ขวบ เขาจะเริ่มรู้เรื่องมากขึ้น เข้าใจอะไรต่าง ๆ มากขึ้น หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า “Terrible Two (วัยทอง 2 ขวบ) คืออะไร? ข้อดีของ Terrible Two” ยิ่งพอเข้าสู่วัย 3 ขวบ ลูกน้อยเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เขามีส่วนร่วมล่ะก็ เขาก็จะเริ่มหงุดหงิด เริ่มโมโหนั่นเอง


ลูก 2 ขวบ ชอบเอาแต่ใจ ขี้โวยวาย แบบนี้จะใช่ Terrible Two หรือเปล่า? คำตอบรอคุณแม่อยู่ในนี้แล้วค่ะ คลิกที่นี่

ศัพท์ในหัวยังมีน้อย

ถัดมาหลังจากที่ลูกน้อยทำอะไรไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ไม่รู้จะอธิบายกับคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างไร ด้วยความที่เขากลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่เข้าใจเขา ผนวกกับศัพท์ในหัวยังมีน้อย ก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปใหญ่ ลูกน้อยจะโมโหจากที่ตัวเองอธิบายไม่ถูก และโมโหที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เขาใจเขา ผู้ใหญ่จึงมักเข้าใจไปว่าลูกชอบเถียง

วิธีฝึกลูกให้คิดวิเคราะห์

เพราะความที่เป็นเด็ก เค้าจะมีความอยากรู้อยากเห็น และขี้สงสัยอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งถ้าหากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้เค้าได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ก็จะยิ่งเป็นการฝึกการคิดวิเคราะห์ได้ดีทีเดียวค่ะ มาดูกันค่ะว่าคุณพ่อคุณแม่จะฝึกเค้าได้อย่างไรบ้าง

  • พูดเรื่องยาก ๆ ซับซ้อนต่อหน้าลูกบ้างก็ได้ค่ะ เช่น ความเป็นไปของโลก ศิลปะ วัฒนธรรม การเมือง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ชอบ หรือสิ่งที่อยากทำให้ดีขึ้น ไม่ต้องกลัวว่าลูกจะไม่เข้าใจ เพราะเค้าจะถามเอง
  • ยอมรับความแตกต่างและความอยากรู้อยากเห็น ใจเย็น ๆ เปิดใจกว้างและแย้งกันด้วยเหตุผล แต่…การเปิดใจกว้างไม่ใช่เปิดในทุกเรื่อง ต้องมีขอบเขตที่เหมาะสม และสม่ำเสมอ ไม่เข้มงวดเกินไป ไม่หย่อนเกินไป
  • ทำให้ลูกรู้สึกว่าบ้านเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เด็ก ๆ สามารถรู้จักอารมณ์ของตัวเอง รู้เท่าทันอารมณ์ และให้รู้ว่าทุกอารมณ์สามารถจัดการได้ ไม่มีร้ายหรือดี ไม่คงอยู่กับเราตลอดไป แต่พฤติกรรมจากอารมณ์ควรมีขอบเขตเสมอ
  • ฟังให้มากกว่าพูด ไม่ด่วนสรุป ใช้เวลาพูดคุยกัน ทำให้การพูดคุยเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ครอบครัว ที่สำคัญ “หลีกเลี่ยงการวิจารณ์” เพราะการวิจารณ์จะทำให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้นปิดตาย
  • เป็นตัวอย่างในการเคารพความคิดเห็นของคนอื่น คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมนะคะว่าลูกๆ มักจะทำตามคุณพ่อคุณแม่ โดยข้อนี้ ให้คุณพ่อคุณแม่เลือกหัวข้อมาหนึ่งหัวข้อที่คุณพ่อคุณแม่มั่นใจว่าลูกมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับเรา จากนั้นก็แสดงให้เค้าเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถเคารพความคิดเห็นของอีกฝ่ายได้ แม้จะคิดไม่เหมือนกันเลยก็ตาม
  • ใช้โอกาสจากความผิดพลาด เพื่อให้ลูก ๆ ได้ก้าวผ่านและใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน ข้อนี้จะทำให้เค้าเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
  • ให้ลูก ๆ ได้ฝึกตัดสินใจเองจริง ๆ เค้าจะได้มีประสบการณ์ทั้งเรื่องของความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นของตัวเอง

ทำอย่างไรให้ “เถียง” อย่างสร้างสรรค์

ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกิดขึ้นอยู่ทุกวัน เริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างชีวิตประจำวัน นิตยสาร หนังสือ ดนตรี รายการโทรทัศน์ หรือไปจนเรื่องใหญ่ๆ เอาเป็นเอาตายอย่างเรื่องของภาพลักษณ์ ท่าที หุ้น ฯลฯ แต่จะทำอย่างไรให้ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เรามีแนวทางดังนี้ค่ะ

  • ทำให้การโต้แย้งเป็นเรื่องสนุกและเชื่อมโยงกับวัยของเค้าได้ อาจเริ่มจากหนังสือหรือหนังที่ลูกชอบ และค่อยๆ ขยับไปเรื่องใหญ่ๆ เมื่อเค้าโตขึ้นและถึงเวลาที่เหมาะสม
  • สอนให้ลกรู้จักความต่างของความคิดเห็นและการเถียง ซึ่งการพูดว่า “ฉันคิดอย่างนี้” มันง่าย แต่การจะอธิบายว่า “เพราะอะไรถึงคิดอย่างนี้” ยากกว่า
  • สอนให้ลูกได้รู้จัก “ความผิดหวัง” บ้าง เพราะเค้าไม่อาจจะได้ทุกอย่างตามที่หวังไว้
  • พิจารณามุมมองและเหตุผลต่างๆ ทุกแนวคิดต้องถูกตรวจสอบและประเมินค่าก่อนจะถูกตัดทิ้ง
  • ให้รู้จัก “การยกตัวอย่างค้าน” (counterexample) ลองจินตนาการถึงการโต้แย้ง ที่ไม่ได้เป็นไปตามคิด เพื่อฝึกการคิดให้รอบด้าน

วิธีการปรับพฤติกรรม “ลูกชอบเถียง”

คุณพ่อคุณแม่ต้องใจเย็น ไม่ใช้อารมณ์

เมื่อลูกพยายามที่จะอธิบายไปพร้อมลูกเองก็เริ่มโมโห พูดเสียงดังใส่คุณพ่อคุณแม่
ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ ต้องตั้ง mind set อย่างนี้ก่อนค่ะว่าเรากับลูกคือพวกเดียวกัน ลองคิดว่าถ้าเราอายุเท่าลูก เราจะทำแบบลูกไหม ไม่ใช้อารมณ์นำทาง ไม่ดุลูก หรือตวาดลูกกลับ เพราะนั่นจะเป็นพฤติกรรมที่ลูกเลียนแบบจากคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ

เปิดใจ รับฟังลูก

ในขณะที่ลูกกำลังพยายามอธิบายด้วยความโมโหนั้น ให้คุณพ่อคุณแม่เปิดใจรับฟังลูก หรือหากมีศัพท์บางคำที่ลูกคิดไม่ออก คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดเสริมให้ลูกได้ หากระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่พอจะจับประเด็นในสิ่งที่ลูกต้องการได้แล้ว ให้พูดทวนความต้องการของลูก แบบนี้ก็จะช่วยให้ลูกลดระดับเสียง และลดอารมณ์โมโหได้ ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจบอกลูกว่า “สิ่งที่ลูกพูดมาต้องเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่โกหกนะ ไม่อย่างนั้นแม่จะไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของหนู” ติดตาม “ลูกชอบแก้ตัว ชอบโกหก ทำอย่างไรดี


ลูกชอบโกหก ทำอย่างไรดี? ชวนพ่อแม่ทำความเข้าใจถึงสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขลูกชอบโกหก และวิธีตอบสนองลูกเชิงบวก คลิกที่นี่

พิสูจน์ให้ลูกได้เห็นว่าเราคือ พวกเดียวกัน

จากการที่เราทวนความต้องการของเขานั่นเอง พร้อมกับทวนถึงสาเหตุที่ลูกโมโหให้เขาฟัง เขาก็จะรู้ได้แล้วค่ะว่า ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่เข้าใจเขาได้ง่าย ๆ เพียงแค่มาคุยกันดี ๆ ไม่จะเป็นต้องโมโห เขาจะรู้สึกว่าแท้จริงแล้วคุณพ่อคุณแม่อยู่ข้างเขา พร้อมที่จะฟังเขาเสมอ

ใช้ภาษากายที่นุ่มนวลกับลูก

เมื่ออารมณ์ลูกเริ่มเบาลง สงบลง ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ภาษากายกับลูกด้วยความนุ่มนวล อาทิ ลูกบที่แขนเบา ๆ ลูกศีรษะ หรืออาจจะจับมือก็ได้ค่ะ พร้อมพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

ค่อย ๆ ให้ลูกปรับลักษณะและคำพูด

เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้แล้วว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ลูกเถียง หรือโมโห ให้คุณพ่อคุณแม่สอนคำศัพท์ให้ลูก หรืออธิบายว่าถ้าหนูอยากให้เป็นแบบนี้ควรพูดว่าอย่างไรถึงจะเหมาะสมและถูกต้อง

สอนให้ลูกรับฟังคนอื่นเช่นกัน

เมื่อคุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ฟังลูกจนจบ หลงจากนั้นให้ยกตัวอย่างว่าคุณพ่อคุณแม่ยังฟังหนูเลย เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการที่จะทำความเข้าใจว่าหนูต้องการอะไร สะท้อนให้ลูกเห็นและทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง แบบนี้ก็จะทำให้ลูกได้เห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นค่ะ

ใช้เหตุผลพูดคุยกับลูก

การสอนให้ลูกได้เรียนรู้ในเรื่องเหตุผลที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญค่ะ เพราะสิ่งนี้จะทำให้ลูกรู้จักการคิดวิเคราะห์ ทำให้ลูกได้รู้ว่าถ้าเขาทำแบบนี้ จะส่งผลอย่างไร ซึ่งข้อนี้จะทำให้ลูกเป็นเด็กที่มีเหตุผลและเป็นผู้ใหญ่ได้มากทีเดียว

ขึ้นชื่อว่า “การฝึก” มันคงต้องใช้เวลาค่ะ โดยเฉพาะการปลูกฝังการคิด การมองให้ครบในทุก ๆ ด้าน การวิเคราะห์ ฯลฯ แต่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกเค้าได้ตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อให้เค้าได้มีความเติบโตทางความคิด และ “การเถียง” จะเป็น “การโต้แย้งอย่างสร้างสรรค์” ได้แน่นอนค่ะ

Featured post

โพสต์ที่อยากให้คุณแม่อ่าน

  1. 346 ชื่อจีนความหมายดี ๆ มีให้ลูกสาวและลูกชาย

  2. วิธีสต๊อก นมแม่ และการจัดเรียงให้ประหยัดเนื้อที่ในตู้เย็น

  3. 10 อาหารว่างคนท้อง และลูกน้อยในครรภ์

  4. หน้า 7 หลัง 7 คืออะไร? นับยังไง ไม่ท้องจริงหรือ

  5. 12 กลุ่มดาวจักรราศี มีอะไรบ้าง พร้อมเลขมงคลปี 2564

  6. 10 นิทานอีสป กับ 10 หนังสือนิทาน 2 ภาษา ปลูกฝังเรื่องราวดี ๆ สอนใจเด็ก ๆ

  7. ความฉลาด 11 ด้าน หรือ 11Q (11 Quotients) ที่เด็กยุคใหม่ควรมี

  8. 14 นิทานพื้นบ้านของไทย สอนใจเด็กได้ดี

หมวดหมู่โพสต์

บทความล่าสุด

  1. เช็คลิสต์ “ของเตรียมคลอด” “ของใช้เด็ก” “ของใช้หลังคลอด” เพื่อใช้หลังคลอดที่จำเป็น

  2. 8 อาหารที่แม่ให้นมห้ามทาน

  3. แนะวิธีเพิ่มปริมาณน้ำนมแม่อย่างถูกวิธี

  4. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  5. White Noise เสียงคลื่นความถี่ที่กล่อมลูกให้หลับฝันดี เพิ่มสมาธิได้อีกด้วย

รีวิวผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก

  1. รีวิว นมกล่อง UHT สำหรับเด็ก 10 ยี่ห้อ เปรียบเทียบกันตัวต่อตัว ยี่ห้อไหนดี พร้อมแนะวิธีการเลือกนมกล่องให้ลูก

  2. เปรียบเทียบนมผงสูตร 1 ในท้องตลาด สารอาหารที่น่าสนใจ

  3. 4 แปรงสีฟันเด็กยุคใหม่ แบรนด์ไหนใช้ดี เทียบแบรนด์ต่อแบรนด์

  4. รีวิวเปรียบเทียบชัดๆ ล้างจมูกให้ลูกด้วย Hashi Plus VS ไซริงค์

  5. รีวิว แชมพูสบู่เหลว Head to toe 5 แบรนด์ เทียบกันแบรนด์ต่อแบรนด์

  6. รีวิว นมผง สำหรับลูกน้อย 11 ยี่ห้อ ละเอียดยิบ ปี 2566 พร้อมหลักการเลือกซื้อนมผงให้ลูกน้อย

  7. 12 คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2023 ปลอดภัย คุ้มค่า คุ้มราคา

  8. 10 แป้งเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2023 ปกป้อง อ่อนโยนต่อผิวลูก

  9. 10 เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 ใช้งานง่าย ปั๊มเกลี้ยงเต้า

  10. 10 เบบี้โลชั่น ยี่ห้อไหนใช้ดี 2023 เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูกได้ดั่งใจแม่

ท่องเที่ยวกับครอบครัว

  1. 5 ที่เที่ยวปีใหม่ใกล้กรุงเทพ 2566 อิน ไม่มีเอ้าท์

  2. 5 พิกัดเช็คอิน ที่เที่ยวโคราช เมืองย่าโม

  3. 6 ที่เที่ยวเชียงใหม่ สำหรับครอบครัว ลูกแฮปปี้ พ่อแม่ดี๊ด๊า

  4. 5 พิกัด พาลูกเที่ยวญี่ปุ่น เปิดประสบการณ์การเรียนรู้

  5. 8 ที่เที่ยวครอบครัว หน้าหนาว ที่ไม่ควรพลาด

  6. 6 สถานที่พาลูกเที่ยว เรียนรู้ธรรมชาติ เสริมสร้างพัฒนาการ

TOP