ชั้นอนุบาลกับชั้นประถมศึกษาถือว่าเป็นรอยต่อแรกของทั้งครอบครัวและเป็นรอยต่อที่สำคัญกับลูกมากเลยทีเดียว คุณพ่อคุณแม่เองจะปล่อยให้ลูกไปเรียนรู้เองทั้งหมดก็อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไรนัก เราควรเตรียมพื้นฐานของลูกให้แน่นเพราะเมื่อเจอกับสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นที่ต้องเติบโตแล้วเขาจะได้พร้อมรับมือและโตไปอย่างมีคุณภาพได้นั่นเอง
การเตรียมพร้อมในที่นี้จะไม่ได้มุ่งไปที่การเตรียมพร้อมด้านการเรียนเพียงอย่างเดียวแต่จะมุ่งเน้นให้คุณพ่อคุณแม่สนใจในเรื่องการเตรียมพร้อมด้านการปรับตัวและการใช้ชีวิตเพราะเขาต้องออกไปเจอกับบทเรียนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ ครูใหม่ โรงเรียนใหม่ สถานที่ใหม่ การใช้ชีวิตแบบใหม่ๆ ซึ่งเตรียมไว้ก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องมาคอยปวดหัวกับความงอแงของลูกที่เกิดมาจากการลืมเตรียมลูกให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
สารบัญ
สิ่งที่ลูกควรพร้อมก่อนไปชั้นประถมฯ
ความพร้อมด้านร่างกาย
เช่น เดินต่อเท้าได้ ถอยหลังได้โดยไม่เซ ถือเป็นความพร้อมด้านร่างกายในส่วนของการทรงตัว และยังต้องมีความพร้อมด้านร่างกายในส่วนของกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ต้องทำงานได้ดีแล้ว เช่น การจับดินสอ การจับกรรไกรเพื่อตัดกระดาษและสามารถตัดตามเส้นประได้ดี สิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเตรียมความพร้อมให้กับลูก
ความพร้อมด้านสมอง
การเล่นกับลูกบ่อยๆ จะช่วยพัฒนาความพร้อมในด้านสมองได้ การเล่นตัวต่อต่างๆ สอนการฝึกมองฝึกสังเกต ให้ลูกสามารถมองภาพต่างๆ ได้ดีขึ้น และแม้จะเข้าไปสู่วัยประถมแล้วสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยังควรทำอยู่เสมอนั่นก็คือการหมั่นพูดกับลูกในขณะทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อที่จะให้ลูกเข้าใจและเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
ด้านสุขภาพร่างกาย
ก่อนการขึ้นชั้นประถมศึกษาคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปตรวจร่างกายเช็คความแข็งแรงในส่วนต่างๆ โดยละเอียด เช่น สายตา ฟัน หู ร่างกายในส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างสมบูรณ์ให้กับลูกน้อยนั่นเอง
เทคนิครับมือกับความเปลี่ยนแปลงเมื่อลูกเข้าชั้นประถมฯ
การให้กำลังใจลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ
เมื่อเขาต้องไปเจอกับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ๆ คุณพ่อคุณแม่ความพูดจาให้กำลังใจเขาด้วยความอ่อนโยน และเมื่อมีโอกาสและเวลาที่เหมาะสมก็ควรเขาไปพูดคุยกับคุณครูเพื่อให้เข้าใจแนวทางในการสอนต่างๆ เพื่อที่จะนำมาคุยกับลูกได้อย่างถูกต้อง
เริ่มปรับพฤติกรรมคุณพ่อคุณแม่
ช่วยปรับพฤติกรรมลูกได้ การเลี้ยงดูอย่างดีเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะทำให้ลูกอยู่เสมอแน่นอน แต่การตัดใจในบางเรื่องเพื่อให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเองนั้นกลับมีความสำคัญและเป็นประโยชน์กับเขามากกว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้เขาช่วยตัวเองบ้าง เช่น ใส่เสื้อผ้าเอง ทานข้าวเอง ให้ลูกพยายามทำการบ้านด้วยตัวเองถ้าไม่ไหวจริงๆ จึงจะเข้าไปช่วยเหลือ
ระเบียบวินัยเป็นเรื่องสำคัญ
เรื่องแบบนี้เริ่มแต่เด็กยิ่งดียิ่งเป็นนิสัยไปอีกนาน ฝึกให้เขารู้จักกับการรอคอย เข้าแถวเข้าคิว ค่อยๆ เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ไปเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็จะติดเป็นนิสัยของเขาไปเองแบบอัตโนมัติ
คอยพูดคุยถามไถ่เรื่องต่างๆ
ของลูกเสมอ เมื่อเราพูดคุยบ่อยๆ เราจะเกิดความเข้าใจ และรู้ทันในสิ่งที่เขาคิดมากขึ้นทำให้เราสามารถดูแลและเติมเต็มให้เขาได้อย่างถูกต้อง ในส่วนที่ไม่ดีก็สอนได้ทัน ในส่วนที่ดีก็คอยส่งเสริมให้ลูกได้ทำต่อไป และทำให้ลูกรู้สึกไม่โดดเดี่ยวและมีที่พึ่งทางใจอยู่เสมออีกด้วย
พูดในทางบวกแม้จะเป็นเรื่องลบก็ตาม
ในส่วนนี้หมายถึงการชมในสิ่งที่เขาควรได้รับคำชมด้วย แต่ในเรื่องที่อาจจะไม่ดีเท่าไรนักเช่นลูกทำคะแนนได้ไม่ดี เราก็ต้องปรับวิธีพูดให้เป็นในทางบวกเช่น ลูกได้คะแนนตั้ง 5 คะแนนเต็ม 10 ถือว่าเก่งมากๆ แล้ว ถึงยังไม่ถูกหมดแต่ก็ทำให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกมากๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อเลี้ยงใจและเสริมความมั่นใจให้กับลูกของคุณได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าทุกอย่างต้องดำเนินอยู่บนทางสายกลาง สิ่งไหนที่ควรดุก็ต้องทำ เพื่อไม่ให้ลูกเข้าใจว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ถูกไปซะหมด
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมพร้อมให้กับลูกในการก้าวผ่านรอยต่อแรกที่สำคัญไปด้วยกันได้แล้วก็จะสามารถสร้างความเชื่อใจในตัวคุณพ่อคุณแม่และยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกเองได้ดีอีกด้วย คอยหมั่นสังเกตพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของเขาอย่างห่างๆ และคอยเข้าไปสนับสนุนเขาในจังหวะที่เหมาะสมรับรองได้เลยว่าลูกของคุณจะก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้อย่างแน่นอน